วิเคราะห์แผนแบบ Binary ทั่วไป และ Dual Linear ของเอม สตาร์ เน็ทเวิร์ค

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ระบบแผนการตลาดแบบหลายชั้น (MLM) หรือการตลาดแบบเครือข่าย
1.Stair Step - ระบบผลต่างขั้นบันได
2.Stair Step - Brake Away ระบบแยกคะแนนออกจากกลุ่ม
3.Matrix – ขยายแนวกว้างเพื่อให้ได้ผลประโยชน์แนวลึก
4.Uni-Level – มองแต่ละชั้นเป็นหนึ่งหน่วย
5.Binary และ Trinary – แผนจับคู่
6.Party Plan – แผนลูกผสม
7.Dual Linear - ไบนารี่แบบ weak team, strong team
หรืออาจมีมากกว่านี้ ที่ยังไม่มีข้อมูล
..............................

แผน ดูอัล ไลเนียร์: Dual linear เอมสตาร์
แผน Binary ไบนารี่ ที่วิเคราห์กันว่าอยู่กันไม่นาน เรามาดูกันว่าเพราะอะไรมันถึงอยู่ไม่นาน
มีดังนี้
ในที่นี้อยากจะเปรีบเทียบ Binary กับ Dual Linear ของเอมสตาร์ดู เพราะบางท่านยังเข้าใจ 
ผิดว่ามันเหมือนกันอยู่
ไบนารีั Binary ชื่อก็บอกแล้วครับ ว่าทำ 2 สายงาน
แผนแบบนี้ มันเป็นการพัฒนาให้ทำงานชั้นลึกได้ง่าย เริ่มต้นเร็ว แต่สาเหตุจากความ
ที่มันง่ายนั้น จึงมีการปรับปรุงแผนไปเรื่อย จนเป็นการเอาใจคนทำเครือข่ายมากเกินไป
ทำให้องค์กรแตกได้ในระยะไม่นานนัก
สาเหตุแรกคือ
1. บังคับซื้อของพร้อมเปิดรหัส (เหมือนการจัดยาชุดสดในร้านขายยา)
-แบบนี้มักทำให้เกิดการบังคับซื้อของทำให้คนแนะนำได้เงินเร็ว แต่คนที่สมัครน่ะจะเกิด
การเร่งรัดในตัวเองว่า ต้องรีบหาเงินมาซื้อของ ทำให้ผู้สมัคร รู้สึกว่าธุรกิจไม่ค่อยโปร่งใส
2. ไม่ต้องรักษายอด
- " ซื้อครั้งแดียวจบ แต่บริํษัทต้องจ่ายเงินให้ตลอดชีวิต" แค่นี้ก็ฟังดูตลกแล้วครับ
ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัท ในแนวทางแบบนี้มันยุติธรรมกับเรารึเปล่าครับ
อีกอย่าง ด้วยตัวแผนแบบนี้จะทำให้มียอดเกิดจากคนใหม่เท่านั้น คนเก่าๆ ต้องวิ่งหาไปเรื่อยๆ
หยุดไม่ได้ซักที บางบริษัทอาจจะบอกว่าถ้าไม่รักษายอดจะได้รายได้จากแผนนี้ แผนนี้ แต่ถ้า
รักษายอด จะได้รายได้เพิ่มอีกสองทาง สามทางก็ว่ากันไป ซึ่งการตั้งเงื่อนไขแบบนี้ คนส่วน
มากก็จะไม่รักษายอดครับ (ผมก็เคยมาก่อน) แล้วรายได้จากอีกแผนมันจะส่งถึงคนข้างบนได้
ยังไง และการรักษายอดที่ว่านั้น ก็ไม่ทำให้เกิดคะแนนจากจุดเดิมเพื่อที่จะมาจับคู่ ซึ่งเป็นราย
ได้หลัก ดังนั้น จะรักษายอดหรือไม่ ก็ไม่ต่างกันครับ รายได้ไม่เกิดจากคนเก่าอยู่ดี
3. ทำหลายรหัส
-ด้วยความที่ ไม่ต้องรักษายอดนั่นล่ะ ทำให้ ต้องมีการป้องกันการลดน้อยลงของรายได้คนเก่าๆ
เช่น ถ้าเดือนแรกมีคนสมัคร 100 คนคนละ 1รหัส คนข้างบนจะได้เงินหลักแสน แต่ถ้าเดือนต่อมา
คนสมัครน้อยลงล่ะเหลือ 80 รหัสแบบนี้ คนข้างบนจะมีรายได้หลักแสนเหมือนเดิมหรือไม่ แสดง
ว่ารายได้จะเป็นแบบ ฟันปลาซะมากกว่า เมื่อรายได้ขึ้น ๆ ลง ๆ แม่ทีมก็จะย้ายบริษัทไปทำตัวใหม่
ดังนั้นจึงตั้งเงื่อนไขให้สมัครได้หลายรหัส เพื่อจะเป็นการชดเชยคนที่สมัครน้อยลงในเดือนถัดไป
เช่นสมัครได้ 4 รหัส (ทำเพิ่มได้ เป็น 3 สายงาน) 7 รหัส (ทำได้ 4 สายงาน) 21รหัส
(ทำได้ 8 สายงาน) ฯลฯ
** ไบนารี ชื่อก็บอกว่า 2, ดันไปทำมากกว่า 2 แล้วมัจะเรียกว่าไบนารี ทำไมกัน **
โดยจะเขียนแผนให้ คนรู้สึกว่าตัวเองจะสูญเสียครับ คนถึงจะสมัครหลายรหัส
เช่น สมัคร 1 รหัส จะมีรายได้ไม่เกิน ... ต่อเดือน ถ้าสมัคร 4 รหัส จะมีรายได้แบบนี้ 7 รหัส
จะมีรายได้เพิ่มเท่านั้นเท่านี้
คนส่วนมากกลัวว่าตัวเองจะมักน้อย ก็มักสมัครทีละหลายรหัสล่ะครับ
ผลก็คือ ทำให้มีของกองอยู่กับตัวมาก แต่ก็เป็นผลดีกับแม่ทีม เพราะว่า ถ้าเดือนนี้คนสมัคร
50 คน คนละ 7 รหัส ก็มีค่าพอ ๆ กับ คนสมัคร 350คน คนละ 1รหัส ทำให้รายได้เค้าไม่ร่วงลง
แน่นอน ดังนั้น เค้าจึงเน้นให้สมัครหลาย ๆ รหัส แต่ข้อเสียก็คือ คนส่วนมากจะสมัครซื้อของ
ที่มี PV สูง ๆ
เพื่อจะเซฟเงินตัวเองให้มาก เมื่อมีคนทำหลายคน ก็มักจะซื้อของเหมือน ๆ กัน ผลก็คือ ไม่
นานหรอกครับของจะเต็มเมือง เพราะธรรมชาติคนเมื่อลงเงินไปแล้วก็จะเอาของไปขายเอา
ทุนคืน เมื่อมีขายมาก ก็จะเริ่มมีการตัดราคากันเกิดขึ้น คนเหล่านี้ไม่สนหรอกครับ เพราะเค้า
ได้จากในระบบอยู่แล้ว
้เมื่อมีของขายข้างนอกมาก ๆ ราคาถูกกว่าสมาชิก คนใหม่ ๆ จะรู้สึกว่าตัวเองเสี่ยงแ่น่ถ้าจะ
สมัคร เพราะสมัครแล้วไม่รู้จะเอาของไปขายใคร คนส่วนมาก สามารถหาซื้อตามร้านค้าได้
เมื่อนั้นคนสมัครก็จะน้อยลง คราวนี้แม่ทีมจะเล่นแร่แปรธาตุแบบไหน ยอดก็ร่วงไปแล้วครับ
ไม่นานเค้าก็จะพากันไปหาบริษัทใหม่ แล้วก็โทษว่าสินค้ามีปัญหา
4. ซื้อตำแแหน่งได้
- แบบนี้ก็พัฒนาทีหลังครับ เริ่มใช้ คะแนนในการจับคู่ การซื้อตำแหน่งได้ เป็นการเอาใจคน
ที่ทำแผนสแตรสเต็ป ที่ขึ้นตำแหน่งกันยากๆ ทำให้ใครก็ขึ้นตำแหน่งสูงสุดได้ถ้ามีเงินใช้หลัก
การเดียวกันกับการทำหลายรหัส คือ จะทำยังไง ให้คนซื้อตำแหน่งขึ้นไวๆ โดยใช้เงื่อนไขข้อ
จำกัดในการรับรายได้
เช่น ถ้าำตำแหน่ง ซิลเวอร์ ใช้เงินลงทุนหลักพัน จะได้ไม่เกินวันละ... และได้ค่าแนะนำ 10%
แมทชิ่งไม่เกิน10 % 1ชั้น
แต่ถ้าเป็นตำแหน่ง ไดมอนด์ ใช้เงินประมาณ 2-3 หมื่น จะได้สูงสุดวันละ ..... และได้ค่า
แนะนำ 20% แมทชิ่ง 20 % 4ชั้น เป็นต้น
แต่ก็เหมือนข้อ3 ล่ะครับ เมื่อคนมาซื้อตำแหน่งแบบนี้ ก็เท่ากับ การซื้อของในปริมาณมาก
คนส่วนน้อยครับที่เอาของไปหมุน แนะนำคนต่อไปเรื่อย เพราะคนส่วนมากจะเอาไปขายครับ
ผลของมันก็จะเหมือนข้อ 3
ยิ่งสินค้ามีคนนิยม มีคนทำมากก็จะเริ่มตัดราคา และทำให้คนใหม่รู้สึกว่าเสี่ยงมาก ถ้าจะเอา
เงินไปลงมาก ๆ แบบนั้น แล้วเค้าจะไปขายที่ไหน
ส่วนการสะสมขึ้นตำแหน่ง ก็เป็นการปรับให้คนทำง่ายขึ้น เริ่มต้นน้อยๆ แต่ก็จะเริ่มยากสำหรับ
คนใหม่แน่ เพราะถ้าคนทำเยอะ ของวางขายเยอะ แล้วเค้าจะไปขายใครล่ะ? ต่อให้ซื้อใช้เอง
ก็จะทำให้เค้าขึ้นตำแหน่งช้า สูญเสียผลประโยชน์แน่นอน
ผลประโยชน์ที่ว่านั้นคือ การล้างคะแนนที่เกินออกมาเพราะไบนารี จ่ายเงินเร็วเกินไป ทำให้
ต้องมีการล้างรอบ ไม่งั้นจ่ายไม่ไหวแน่
นิสัยคนกลัวการสูญเสียครับ ย่อมเร่งอัพตำแหน่งตัวเองให้เร็วที่สุด
5. ให้สมาชิก เปิดโมบาย
-บริษัทขายตรงยุคใหม่ๆ มักเปิดกันถี่มากๆ ส่วนมากก็จะเป็นประเภทแม่ทีมจากบริษัทอื่นๆ
มาหุ้นกัน เปิดบริษัททำเอง (คนรู้จักผมก็เปิด)
ส่วนมากมักจะกู้เงินธนาคารมาแล้ว ต้องการทำเงินให้เร็วที่สุด จึงเลือกแผนการตลาดแบบ
ไบนารี (จดทะเบียนไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็นไตรนารี)
ดังนั้น การที่จะให้ธุรกิจตัวเองกระจายตัวเร็วที่สุด จะได้เงินกลับมาไวๆ ถ้าตัวเองจะเอาเงินไป
ทุ่มสร้างสาขาตามแต่ละจังหวัด คงกระจายตัวได้ช้า จึงกระจายความเสี่ยงด้วยการให้สมาชิก
เปิดโมบาย เพื่อจะเป็นศูนย์ตาม เมืองต่างๆได้เร็ว
กลายเป็นว่า สมาชิกต้องหาร้าน เช่าตึก มาเปิดเป็นศูนย์ และยังต้องลงทุนเป็นแสน เอาของ
มาสต๊อก เพราะได้% จากการขายสินค้าได้
นอกจากนั้น สมาชิกส่วนมากยังต้องมานั่งเฝ้าศูนย์ของตัวเองอีก หรือไม่ก็จ้างคนมาเฝ้า
เมื่อเกิดผลกระทบจากข้อ 3-4 ก็จะทำให้ ยอดแจงสินค้า น้อยลงๆ ของก็จะสต๊อคก็กับตัวเอง
เป็นแสนครับ คืนของก็ไม่ได้ โมบายเหล่านี้ ก็จะย้ายไปทำตัวใหม่ แล้วเอาของเหล่านี้ ไป
ระบายตัดราคา ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
จาก 5 ข้อ ที่กล่าวมา ทำให้ หมดเงินไปเท่าไหร่ครับ ไหนว่าธุรกิจเครือข่ายลงทุนน้อยไง
ไหนว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ต้องมีหน้าร้านไง ไหนว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ต้องจ้างใครไง แล้วเมื่อ
ไหร่จะมีอิสระภาพด้านเวลา
ผมขอสรุป สั้น ๆ ว่า การที่องค์กรจะล่มสลายนั้นก็เพราะ
-ไม่รักษายอด
-ระดมทุน
-สร้างความเสี่ยงให้กับสมาชิก
-การขึ้นตำแหน่งง่ายเกินไป ทำให้ ไม่มีการพัฒนาศักยภาพเท่าที่ควร
----------------------------------------------------------------
แผน ดูอัล ไลเนียร์: Dual linear ของเอม สตาร์ เน็ทเวิร์ค
แผน เอมสตาร์เน็ทเวิร์ค คือ Dual linear ไม่ใช่ Binary
(แผน Dual linear นี้จะเรียกว่าไบนารี่แบบ weak team, strong team ก็ได้)
และเอมสตาร์แตกต่างจากไบนารี หรือแผน Maga Match ทั่วไป
นั่นคือ
1. การสมัคร ไม่มีการบังคับซื้อของ
-ทำให้รู้สึกว่าไม่เสี่ยงครับ คืออยากซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าสะสมคะแนนได้ 1000pv ภายใน
1 เดือนก็จะเป็นตำแหน่งซุปเปอร์ไวเซอร์
การขึ้นซุปเปอร์ไวเซอร์นั้นไม่ถือว่าเป็นการระดมเงินครับ เพราะเป็นการกรองคน เข้าทำธุรกิจ
ซะมากกว่า (ถ้าจะซื้อกินซื้อใช้อย่างเดียวก็แล้วแต่ไม่ขึ้นก็ไม่ได้บังคับกัน)
1000 pv นั้น เทียบเป็นเงินประมาณ 3000 บาทเท่านั้นเอง การให้เป็น ซุปก็เพื่อจะได้ใช้สินค้า
แล้วไปแนะนำต่อได้ (ถ้าจะทำเป็นธุรกิจก็ต้องขึ้นซุปเปอร์ไวเซอร์ก่อนจึงจะมีรายได้ 7 ทาง)
2. มีการซื้อซ้ำ (เป็นสินค้าจำเป็นต้องซื้อประจำอยู่ดี)
-ก็คือมีรักษายอดครับ การรักษายอดเป็นเงื่อนไขให้คนเก่าซื้อของซ้ำ เมื่อซื้อซ้ำ คุณถึงจะมี
รายได้ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่เกิดการซื้อซ้ำจากคนเก่า แล้วจะมีรายได้เพิ่มทุกเดือนได้อย่างไร
การรักษายอดของเอมสตาร์ จะรักษายอดโดยใช้เงินต่ำๆ แค่ 900 บาท/เดือนเท่าันั้นเอง
และคะแนนที่เกิดจากการรักษายอด ก็จะขึ้นที่จุดเดิม แล้วเอามาคำนวนเป็นรายได้หลัก
(ในแผน weak-strong)
ด้วยความที่ให้ซื้อแค่เดือนละ 900 ทำให้นักธุรกิจเอมสตาร์ไม่จำเป็นต้องรีบเอาของไปขาย
หรือระบาย ขายลดราคาที่ไหนครับ
แค่ซื้อใช้ก็พอแล้ว
แต่อาจจะเจอคำถามจากหลายคนได้ว่า ทำไมไม่ค่อยได้ยินชื่อ เอมสตาร์
เหตุผลก็เพราะ ไม่เจอของระบาดตามร้านค้าหรือ นักธุรกิจไปตื้อขายให้ใครมากครับ
ก็แผนมันไม่ทำให้คนคิดอยากทำสิ่งเหล่านั้นนี่นา
**การซื้อซ้ำของเอมสตาร์ ก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัทดัง ๆ ที่อยู่กันมานาน ๆ หรอกครับ คือให้
มีคะแนนจากคนเก่า ๆ ขึ้นจุดเดิม ๆ ทุกเดือน**
3.ทำได้แค่รหัสเดียว แนะนำได้ทั่วโลก (One Code One World)
-การสมัคร ได้แค่รหัสเดียวนั้น เป็นหลักการของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไปในไทยและระดับโลก
เพราะแผนแมทชิ่งที่ จะส่งขึ้นมานั้นจะเกิดจากคนไม่ใช่จากตุ๊กตา
การที่ บริษัทอื่นให้สมัครหลายรหัส ก็เท่ากับเอาเงินไปลงเป็นตุ๊กตาเท่านั้น มีแต่คะแนนแต่
ไม่เกิดคนทำงาน รายได้จะมาแค่ช่วงต้น ๆ ครับ
และการทำ 1 รหัส จะทำให้ไม่เกิดการระดมทุนครับ ทุกคนเริ่มเท่ากัน จะมีเงินแค่ไหน
ก็เริ่มแค่นี้ล่ะ 3000 บาท
4. ซื้อตำแหน่งไม่ได้
-การขึ้นตำแหน่งของเอมสตาร์ ใช้หลักการเดียวกับ สแตร์สเต็ป คือต้องสร้างคน
การที่ลงทุนต่ำ ๆ ทำ 1 รหัสนั้น ทำให้หลายคนมีโอกาสเข้ามาในธุรกิจได้ง่าย ไม่ว่าจะ
ธุรกิจอะไร ก็จะมีคนทำงานกับคนไม่ทำงานครับ แต่ถ้าสมัครโดยใช้เงินน้อย ๆ จะทำให้
คนเ้ข้ามาในธุรกิจง่าย และกระจายตัวเร็ว แน่นอนครับถ้า 10 คน ก็จะเกิดคนทำงาน 1-2 คน
เท่านั้นเองตามกฏค่าเฉลี่ย ฉะนั้นใน 1 เดือน นักธุรกิจเอมสตาร์จะเปิดคนได้มาก เมื่อเปิดได้
มากก็จะเกิดผู้นำขึ้นมาก แม้ว่าถ้าเทียบอัตรารายได้ต่อคนที่แนะนำจะน้อยกว่าบริษัทอื่น
(ก็ลงทุนน้อยนี่) แต่การสร้างผู้นำเป็นสิ่งสำคัญกว่า เมื่อผู้นำเกิดเยอะธุรกิจจะโตขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่มีวันหยุด รายได้ก็จะโตเรื่อยๆครับ
--บริษัท 1 แนะนำคนละ 30000 บาท 1 เดือนจะแนะนำได้ 1 คน (ได้เงินเยอะจริง แต่ทีม
งานไม่แข็งแรง ต้องวิ่งไม่หยุด กว่าจะเจอผู้นำใช้เวลานาน)
-- บริษัท 2 แนะนำคนละ 3000 บาท 1 เดือนจะได้แนะนำได้ 10 คน (ได้เงินพอกัน แต่เกิด
ผู้นำในสายงาน เกิดการกระจายตัวต่อเนื่อง)
**การขึ้นตำแหน่งโดยใช้ความสามารถนั้น จะทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพตนเองมาก
กว่า การขึ้นตำแหน่งด้วยการใช้เงินซื้อ**
5. ไม่มีนโยบาย ให้สามาชิก เปิดโมบาย
- เอมสตาร์ เปิดธุรกิจโดยใช้เงินสดครับ ทุกสาขาในไทยและ ต่างประเทศใช้เงินสดเปิด
เอมสตาร์มี ระบบ BEC ที่ช่วยให้สมาชิกทุกคนซื้อของ จากที่ไหนก็ได้ ด้วยการโทรสั่งซื้อ
และทางอินเตอร์เน็ต
เมื่อสั่งซื้อแล้ว ของจะส่งถึงบ้านเลย (วัน/วัน) โดยที่ ของนั้นยังไม่ลงยอดให้ใครและเมื่อ
คนนั้นสปอนเซอร์ใคร ก็เอาของนั้นไปแจงเป็นยอดคน ๆ นั้นได้ทางอินเตอร์เน็ตเลย ระบบ
นี้ทำให้สมาชิก ไม่ต้อง ซื้อของมาสต๊อกไม่ต้องมีหน้าร้าน ทำงานได้ทุกที่ อยากซื้อเท่าไหร่
ก็โทรสั่งซื้อได้เลย
สรุปแล้ว
หลักการ ของเอมสตาร์ เป็นเหมือนหลักการของหลายๆบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เน้นคอนเซ็ป
ของธุรกิจเครือข่าย นั่นคือ
-ลงทุนต่ำ
-สินค้าหลากหลาย เป็นสินค้าจำเป็นต้องใช้ (Consumer product) (สมาชิก จึงซื้อซ้ำ)
-ทำได้1รหัส
-ไม่ต้องมีหน้าร้าน
-ไม่ต้องจ้างคนมาดูแล
-มีการซื้อซ้ำ เพื่อสร้างเครืิอข่ายผู้บริโภคอย่างแท้จริง
อิสระภาพทางการเงินและเวลา จะเกิดเพราะสิ่งเหล่านี้นั่นล่ะครับ
เครือข่ายธุรกิจเอมสตาร์ “เป็นเครือข่ายผู้บริโภค” ไม่ใช่ “เครือข่ายนักขาย”
***ถ้าใครจะมาบอกว่า แผน 2 ขามันทำได้ไม่นาน ก็ขอให้วิเคราะห์ด้วยว่า เพราะอะไรนะครับ ***
**คนทำเอมสตาร์ ไม่มีใครเจ็บตัวครับ ไม่มีใครต้องหมดเงินเป็นแสน เพราะ 1 ปี ใช้เงินแค่
ประมาณ 13,000 บาท เท่านั้นเอง**
นี่แหละครับ ความต่างของเอมสตาร์กับไบนารี่ทั่วไป
1.Stair Step - ระบบผลต่างขั้นบันได
2.Stair Step - Brake Away ระบบแยกคะแนนออกจากกลุ่ม
3.Matrix – ขยายแนวกว้างเพื่อให้ได้ผลประโยชน์แนวลึก
4.Uni-Level – มองแต่ละชั้นเป็นหนึ่งหน่วย
5.Binary และ Trinary – แผนจับคู่
6.Party Plan – แผนลูกผสม
7.Dual Linear - ไบนารี่แบบ weak team, strong team
หรืออาจมีมากกว่านี้ ที่ยังไม่มีข้อมูล
1.Stair Step - ระบบผลต่างขั้นบันได
2.Stair Step - Brake Away ระบบแยกคะแนนออกจากกลุ่ม
3.Matrix – ขยายแนวกว้างเพื่อให้ได้ผลประโยชน์แนวลึก
4.Uni-Level – มองแต่ละชั้นเป็นหนึ่งหน่วย
5.Binary และ Trinary – แผนจับคู่
6.Party Plan – แผนลูกผสม
7.Dual Linear - ไบนารี่แบบ weak team, strong team
หรืออาจมีมากกว่านี้ ที่ยังไม่มีข้อมูล

0 ความคิดเห็น:

About Blog

Blog นี้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็น "คลังข้อมูล" แก่กลุ่มสายงานเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด ท่านผู้ใดสนใจร่วมธุรกิจ หรือ ต้องการ dowload ข้อมูล กรุณาติดต่อผ่าน Email: cherrypowergroup@gmail.com

ให้เช่า ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ในซอยเพชรเกษม 48 ตัดกับ ซอยจรัลฯ 13

ให้เช่า ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องรับแขก เนื้อที่ 23 ตารางวา ต่อเติมด้านหน้า ด้านหลัง อยู่ที่หมู่บ้านริมน้ำ ในซอยเพชรเกษม 48 ตัดกับซอย จรัลฯ 13 ใกล้ตลาด ไชยฉิมพลี อยู่หน้าโรงเรียน ไชยฉีมพลี วิทยาคม การเดินทางเข้าออกสะดวกได้หลายทาง ค่าเช่า 6,500 บาท / เดือน สนใจติดต่อ คุณรัศมิ์ โทร. 083-118 9168
ประกาศวันที่ 25 ธัวาคม 2553